เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2561 ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสไปใช้บริการโรงแรมก๊อตซิลล่าซึ่งเป็นชื่อเรียกขานในแบบที่เข้าใจง่าย เป็นโรงแรมที่มีก๊อตซิลล่าโผล่หัวออกมาทักทายนักท่องเที่ยวและชาวเมืองชินจูกุเหมือนในภาพ หัวก๊อตซิลล่าขนาดใหญ่นี้ตั้งอยู่บนอาคารของ Toho Shinjuku
แต่ชื่อจริงๆ ของโรงแรมแห่งนี้ก็คือ Hotel Gracery เป็นโรงแรมที่อยู่ในเครือ WHG หรือ Washington Hotels Group ซึ่งมีโรงแรมในเครือกระจายอยู่หลายเมืองในประเทศญี่ปุ่น (จากข้อมูลการรีวิวจากแหล่งข้อมูลต่างๆ บอกว่า ที่นี่มีพนักงานที่พูดภาษาไทยได้หรือเป็นคนไทย แต่ตลอดระยะเวลา 4 วัน 3 คืนที่พักอยู่ที่โรงแรมแห่งนี้ เราไม่พบพนักงานท่านนั้น) โรงแรมแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ชินจูกุ ในย่านคาบุกิโช หรือแหล่งรวมสถานบันเทิงยามค่ำคืนของเมืองนี้นั่นเอง ดังนั้นตลอดทั้งคืนบริเวณโรงแรมก็จะเต็มไปด้วยนักท่องราตรีหลากหลายวัย ในช่วงกลางวันก็เป็นย่านช้อปปิ้ง ร้านขายยาและเครื่องสำอาง ดองกี้ โรงภาพยนตร์ รวมถึงร้านสะดวกซื้ออย่างแฟมิลี่มาร์ท 7-11 ร้านอาหารประเภทต่างๆ ปิ้งย่าง ซูชิที่เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง ราเมน ตัวโรงแรมมีทั้งหมด 30 ชั้น มีห้องพักให้บริการ 970 ห้อง แต่ชั้นที่เป็นส่วนของโรงแรมเริ่มที่ชั้น 8 เป็นรีเซฟชั่น ล๊อบบี้และห้องอาหาร Bon Jour
|
ด้านหน้าโรงแรมมีร้านซูชิเปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง มีทั้งแบบ Buffet และ A La Carte |
|
อาหารสารพัดชนิดรอให้เลือกหยิบ |
|
สตาร์บัคส์ใน Family Mart หน้าโรงแรม |
|
ร้านสะดวกซื้อมีทั้ง Family Mart 7-11 และ Lawson |
ด้านหน้าของซอยที่จะมุ่งไปที่โรงแรมจะเป็นร้านดองกี้อยู่หัวมุมทางขวามือ เดินเข้าไปในตึกที่เป็นโรงภาพยนตร์ ก็จะพบกับป้ายบอกทางไปโรงแรมชั้น 1 จะเป็นร้านขายของ 7-11 และร้านอาหารต่างๆ ส่วนโรงแรมจะต้องขึ้นลิฟท์ไปที่ชั้น 8 ก็จะพบกับล๊อบบี้โรงแรม และเช็คอินได้ที่นั่น
หลังจากขึ้นลิฟท์มาที่ชั้น 8 ก็จะพบกับการบอกเล่าเรื่องราวของก๊อตซิลล่า ผ่านโปสเตอร์หนังที่มีก๊อตซิล่าในแต่ละปีตั้งแต่ยุคโบราณจนถึงยุคใหม่ ก๊อตซิลล่าจึงเป็นตัวเล่าเรื่องให้กับโรงแรมแห่งนี้และช่วยสร้างความแตกต่างเพิ่มสีสันให้กับแบรนด์โรงแรมนี้ด้วยเช่นกัน มีข่าวว่านายเคนนิชิ โยชิสุมิ นายกเทศมนตรีของเมืองชินจูกุในกรุงโตเกียว ได้เปิดตัวรูปปั้นศีรษะก๊อตซิลล่าขนาดเท่าตัวจริงบนชั้นดาดฟ้าของอาคารสูง 52 เมตร พร้อมทำพิธีมอบใบประเทศเกียรติคุณและแต่งตั้งให้ก๊อตซิลล่าเป็นพลเมืองกิตติมศักดิ์และทูตด้านการท่องเที่ยวของเมือง
(ขอขอบคุณข้อมูลจาก https://www.bloggang.com/m/viewdiary.php?id=sitcom&month=04-2015&date=11&group=65&gblog=395)
|
โปสเตอร์ภาพยนตร์ที่บอกเล่าเรื่องราวของก๊อตซิลล่า ติดอยู่บริเวณล๊อบบี้ชั้น 8 ของโรงแรม
|
|
ของที่ระลึกวางจำหน่ายสำหรับแขกของโรงแรมที่สนใจจะซื้อเก็บหรือซื้อฝาก |
|
บริเวณจัดแสดงและจำหน่ายของที่ระลึกก๊อตซิลล่า |
ทีม Waycation ครั้งนี้เดินทางมาถึงโรงแรมเวลา 11.30 น. จะพักที่โรงแรม Gracery ระหว่างวันเสาร์ที่ 3 ถึงวันอังคารที่ 6 กุมภาพันธ์ 2561 แต่เนื่องจากเวลาที่เรามาถึงยังไม่สามารถเช็คอินได้ (เวลา Check in คือ 15.00 น. เวลา Check out คือ 11.00 น.) แต่ไม่เดือดร้อนเพราะสามารถไปเดินช้อปปิ้ง หาอาหารรับประทานฆ่าเวลาไปก่อนได้ จึงฝากกระเป๋าสัมภาระไว้ที่เคาน์เตอร์ พร้อมกรอกข้อมูลเช็คอินไว้ก่อน เมื่อห้องพักพร้อมแล้วทางพนักงานแจ้งว่า จะนำกระเป๋าไปไว้ให้ที่ห้องพัก (เลิศที่สุด)
|
พนักงานดำเนินการเช็คอินไว้ให้ก่อน |
สำหรับการจองห้องพักครั้งนี้จองผ่าน booking.com จะมี 2 แบบ คือ
1.ห้องเตียงเดี่ยว ขนาด 18 ตารางเมตร ค่าห้องพักตลอด 3 คืน 48,960 เยน หรือประมาณ 14,688 บาท
2.ห้องเตียงคู่ ขนาด 25 ตารางเมตร ค่าห้องพักตลอด 3 คืน 76,680 เยน หรือประมาณ 23,004 บาท
ราคานี้รวมอาหารเช้าครับ แม้ว่าราคาค่อนข้างสูงแต่เมื่อแลกกับประสบการณ์ที่อยากลองใช้บริการดู บอกได้เลยว่า "คุ้มค่า"
เพื่อไม่ให้เสียเวลาเที่ยว ฝากกระเป๋าเสร็จพวกเราก็รีบลงไปจัดการอาหารมื้อเที่ยงกันเลย หลังจากอิ่มหนำสำราญบานใจไปกับอาหารญี่ปุ่นมื้อแรก ก็กลับมาโรงแรมและติดต่อรับคีย์การ์ดจากเคาน์เตอร์โรงแรม
|
คีย์การ์ดแนวหลุดอยู่ในวงการภาพยนตร์เชื่อมโยงกับหนังที่มีก๊อตซิลล่า มาคู่กับคูปองหารเช้า
ที่มีให้เลือกรับประทานได้ 2 ห้องอาหาร |
เดินสำรวจบริเวณชั้น 8 มีล๊อบบี้สำหรับให้แขกที่เข้าพักนั่งรอ ตกแต่งอย่างสวยงาม
|
Lobby สำหรับแขกนั่งคอยหรือเป็นจุดนัดพบกัน |
|
ตัวอย่างเมนูของหวานโดยมี Godzilla เป็นส่วนประกอบในเมนูต่างๆ |
|
ป้ายบอกว่าพื้นที่นี้สงวนสิทธิ์สำหรับแขกของโรงแรมเท่านั้น |
|
เวลาโชว์ของก๊อตซิลล่า ตั้งแต่เที่ยงจนถึงสองทุ่ม โปรดสังเกตมีภาษาไทยด้วย |
คลิปโชว์ของก๊อตซิลล่า
|
มุมถ่ายจากบริเวณชั้น 8 |
|
ภาพบริเวณฐานด้านล่างของ Godzilla |
|
อีกมุมหนึ่งจากทางด้านหลัง |
หลังจากส่องสำรวจทุกซอกทุกมุมของชั้น 8 แล้วก็ขึ้นลิฟท์ไปเข้าห้องพักกัน เลขที่ออกสำหรับห้องพักครั้งนี้คือ 2444 อยู่ชั้นที่ 24 ต้องขึ้นลิฟท์ที่เป็น High Zone (ชั้น 20 - 30)
|
ลิฟท์ High Zone ให้บริการแขกที่พักชั้น 20-30
|
เข้าห้องพักกันเลย เปิดมาปั๊ปก็เจอช่องสำหรับใส่คีย์การ์ดเพื่อเปิดระบบไฟฟ้าภายในห้องพัก (ทางโรงแรมจะให้คีย์การ์ดใบเดียวต่อหนึ่งห้องพัก) ฝั่งตรงข้ามก็มีแผงควบคุมอุณหภูมิแอร์ภายในห้องพัก
เตียงแฝดหรือเตียงคู่จะมีอุปกรณ์การนอนให้คือ หมอนหนุนและหมอนข้างและมีเอกสารซึ่งมีข่าวสารของโรงแรมวางไว้ให้อ่านเล่น
|
เตียงนอนค่อนข้างใหญ่ มีทั้งหมอนหนุนและหมอนข้าง |
ห้องที่พักนี้มีขนาด 25 ตารางเมตร ยังพอมีพื้นที่สำหรับวางเก้าอี้ได้อีก 2 ตัว โต๊ะเล็กๆอีก 1 ตัว ด้านหลังจะเป็นตู้เล็กตู้น้อย ที่ใส่กาต้มน้ำ แก้วน้ำ ตู้เซฟนิรภัย และตู้เย็น พร้อมน้ำดื่มให้วันละ 2 ขวด และทีวี จะเห็นได้ว่าพื้นที่ในห้องพักจะถูกใช้อย่างคุ้มค่า ทุกอย่างจะถูกเก็บไว้ในตู้และประหยัดพื้นที่พอสมควร
|
อีกมุมหนึ่งของห้องพักมีเก้าอี้และเฟอร์นิเจอร์ที่ประหยัดเนื้อที่พอสมควร |
|
ในตู้ใต้ทีวีมีแก้วพร้อมกาต้มน้ำ |
|
มีน้ำดื่มของโรงแรมให้บริการวันละ 2 ขวด |
|
ตู้ใต้ทีวีอีกฝั่งหนึ่งเป็นตู้เซฟและตู้เย็น |
บนโต๊ะจะมีอุปกรณ์ Handy Mobile Device วางอยู่บนแท่นชาร์จ และมีข้อความเชิญชวนให้เราหยิบไปใช้งานข้างนอกโรงแรมได้ ใช้เป็น City Guide รวมถึงใช้โทรศัพท์ติดต่อกันได้ในพื้นที่ จากหน้าจอมีข้อความทักทายบอกกับผู้เข้าพักว่า "ฉันเป็นไกด์แนะนำเมืองนี้ให้กับคุณ"
ลองมาสำรวจห้องน้ำกัน สำหรับโซนห้องน้ำจะแบ่งเป็น ห้องอาบน้ำที่มีอ่างและฝักบัวสำหรับอาบน้ำพร้อมกับแชมพู คอนดิชันเนอร์ และสบู่เหลว ห้องส้วมที่ควบคุมระบบฉีดน้ำอัตโนมัติตามสไตล์ของญี่ปุ่น นั่งลงไปปั๊ปจะได้สัมผัสกับไออุ่นปุ๊ปทันที และห้องสำหรับล้างหน้าแปรงฟันที่มีผลิตภัณฑ์ล้างหน้า (Face Soap) ของชิเชโด้วางไว้ให้บริการ
|
ห้องสำหรับอาบน้ำจะแช่หรืออาบด้วยฝักบัวก็มีพร้อม |
|
อ่างค่อนข้างใหญ่พอสมควร |
|
ผลิตภัณฑ์แชมพู คอนดิชันเนอร์ สบู่มีให้บริการครบครัน |
|
ห้องปลดทุกข์หนัก ทุกข์เบามีประตูปิดมิดชิด |
|
โซนสำหรับล้างหน้าแปรงฟัน
|
|
สบู่ล้างหน้าของ Shiseido
|
|
วิวจากห้องพัก |
นอกจากห้องเตียงเดี่ยว เตียงคู่ โรงแรมนี้จะมีชั้นเฉพาะสำหรับผู้หญิงด้วย และมีห้องที่สร้างบรรยากาศเชื่อมโยงกับ Godzilla อีก 7 ห้อง
ห้อง Godzilla Room มีจำนวน 1 ห้อง Room Type นี้อยู่บนชั้น 30 เป็นห้องสำหรับพัก 2 คน สร้างบรรยากาศทั้งห้องประหนึ่งว่าเข้าไปอยู่ในโลกของ Godzilla ไม่ว่าจะเป็นเท้าของ Godzilla โปสเตอร์ต่างๆ
|
ห้อง Godzilla Room (ขอขอบคุณภาพจากเว็บไซต์ของโรงแรมเกรเซอรี่ ชินจูกุ) |
|
ดื่มด่ำไปกับบรรยากาศในห้องพักนี้กับ Godzilla ขนาดย่อม (ขอขอบคุณภาพจากเว็บไซต์ของโรงแรมเกรเซอรี่ ชินจูกุ)
|
ห้อง Godzilla View Room มีจำนวน 6 ห้อง เป็นห้องพักที่มองออกไปนอกหน้าต่างๆ หรือนอนอยู่บนเตียงก็เสมือนมีแววตาของ Godzilla มาส่องเราอยู่ (มันก็จะหลอนๆหน่อย) สำหรับห้อง Room Type นี้จะอยู่ชั้น 9 เป็นห้องสำหรับ 1 คน
|
ห้อง Godzilla View Room เป็นห้องที่มองออกไปแล้วจะพบกับ Godzilla |
ตื่นเช้ามาก็หิวทันที ได้เวลาเติมพลังก่อนออกไปช้อปปิ้งด้วยอาหารเช้าของโรงแรม สำหรับอาหารเช้าของโรงแรม Gracery Shinjuku จะมีให้บริการ 2 ห้องอาหาร ตั้งแต่เวลา 06.30-10.30 น. ผู้เข้าพักสามารถเลือกได้ตามอัธยาศัยว่าอยากรับประทานอาหารและสัมผัสบรรยากาศแบบใด เราอยู่ที่นี่ 3 วัน ก็เลยสำรวจทั้ง 2 ห้องอาหารมาให้ดูกัน
ห้องอาหารแรกชื่อว่า Bon Jour อยู่ชั้น 8 ให้บริการอาหารเช้าแบบ Sandwich Buffet ขนาดของห้องอาหารจะไม่ใหญ่มาก
ห้องอาหารที่สองชื่อว่า Bonsalute Kabuki อยู่ชั้น 1 ให้บริการอาหารสไตล์ Japanese Western Buffet ขนาดพื้นที่ของห้องอาหารจะกว้างขวางกว่าห้องอาหารชั้น 8
เช้าวันแรก เรามาลองใช้บริการห้องอาหารเช้า Bon Jour ห้องอาหารนี้ตั้งอยู่ใกล้ๆ ก๊อตซิลล่า รับประทานอาหารเช้าไปก็มีวิวก๊อตซิลล่า อาหารเช้าของห้องอาหารนี้เป็นสไตล์ Sandwich Buffet แต่ก็มีความหลากหลายประมาณหนึ่ง
|
เบคอน ไส้กรอก ผักปิ้งย่างตาม format ของอาหารเช้า |
|
ไข่ แซนวิชด์ ข้าวผัด |
|
เบอร์เกอร์ขนาดเบาๆ แต่ถ่ายออกมาแล้วดูใหญ่มาก |
|
ครัวซอง เดนิช และขนมปังสารพัดชนิดเลือกหยิบได้ตามใจชอบ |
|
โดนัท ขนมปังแผ่นก็มา |
|
แซนวิชด์อีกสไตล์หนึ่ง |
|
มุมน้ำผลไม้ต่างๆ และนมชอคโกแลต |
|
น้ำแร่ Perrier ชนิดซ่า |
|
ผลไม้ที่ถูกหั่นเป็นชิ้นไว้พร้อมรับประทาน |
|
มุมกาแฟ หลังรับประทานอาหารเช้าแล้วอยากจะ Take Away กาแฟก็มีแก้วกระดาษให้ |
สรุปแล้ว อาหารเช้าของห้องอาหาร Bon Jour ชั้น 8 จะมีความหลากหลายน้อยกว่าห้องอาหาร Bonsalute Kabuki ที่อยู่ชั้น 1 ของโรงแรม เช้า 2 วันถัดมา พวกเราเลยไปใช้บริการที่ห้อง Bonsalute Kabuki ห้องนี้จะมีลูกค้าโรงแรมมาใช้บริการมากกว่า คึกคักกว่า เรามาลองสำรวจห้องอาหารสไตล์ Japanese Western Buffet กันเลยดีกว่า
|
มุมจานหลุมมีทั้งแบบ 6 หลุม และ 9 หลุม พร้อมถาดและในถาดมีแผนผังของห้องอาหารให้ดู |
|
แผ่นรองถาดที่บอกแผนผังของอาหารแต่ละชนิดใน
ห้องอาหาร Bonsalute Kabuki บอกพิกัดว่าอะไรอยู่ตรงไหน
|
|
เบค่อนนุ่มหั่นชิ้นพอคำ |
|
เห็นรูปลักษณ์ภายนอกอย่าคิดว่าเป็น เสี่ยวหลงเป่า นะ จริงๆมันคือ ซาลาเปา ธรรมดานี่เอง พิกัดนี้จะสลับกับขนมจีบ วันแรกเจอซาลาเปา วันถัดมาเจอขนมจีบ |
|
อาหารแนวไข่ พร้อมซอส |
|
อันนี้น่าสนใจ เป็นปลาหมึกยัดไส้ด้วยข้าว หอมอร่อยดี |
|
อันนี้ไม่ทราบว่าอะไรเหมือนกันแต่อร่อยดีแต่เค็มไปหน่อย |
|
มุมสุขภาพ ผัก สลัดก็มีให้บริการสำหรับมังสวิรัติ |
|
แซลมอนก็มาในยามเช้า |
|
ครัวซอง โดนัทและเบเกอรี่ชนิดต่างๆ |
|
พิซซ่าแฮนด์เมดและโฮมเมด |
|
ขนมปังพร้อมเครื่องปิ้งขนมปัง |
|
โยเกิร์ต ที่อาจจะใส่ผลไม้ด้านบนเพื่อเพิ่มอรรถรสกันไป |
|
ชามีให้เลือกหลากหลายชนิดตามต้องการ |
|
อันนี้เป็นมุมชาเขียวที่มีทั้งชาเขียวและโฮจิชะ |
|
บราวนี่และเชอรี่ |
|
ความดีงามของห้องอาหารเช้าคือ สามารถนำกาแฟติดไม้ติดมือไปดื่มได้อีกด้วย |
|
จานหลุมสำหรับใส่อาหารเพิ่มความเป็นระเบียบให้กับมื้ออาหาร
มีแบบ 6 หลุ่ม กับ 9 หลุม เลือกใช้งานได้ตามอัธยาศัย |
หลังจากเข้าพักครบ 4 วัน 3 คืน เป็นอีกหนึ่งโรงแรมที่สร้างความประทับใจทั้งในด้านการบริการ โลเคชั่นที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองแวดล้อมด้วยร้านอาหาร ย่านช้อปปิ้ง และร้านสะดวกซื้อ สำหรับใครที่สนใจอาจจะมาใช้บริการโดยไม่ต้องรวมอาหารเช้าก็ได้ เพราะสามารถหารับประทานได้บริเวณรอบๆ โรงแรม ทั้ง Family Mart , 7-11 ที่อยู่ชั้น 1 ของโรงแรม
วันเดินทางกลับ ถ้าต้องการไปขึ้นรถไฟฟ้าหรือไปสถานีรถไฟฟ้าก็สามารถนั่งรถ Shuttle Bus ในราคาคนละ 100 เยน เพื่อไปยังสถานีชินจูกุได้ ป้ายรถก็อยู่หน้าโรงแรม
|
ป้ายรอรถ Shuttle Bus บริเวณด้านหน้าโรงแรมเพื่อเดินทางไปสถานีรถไฟฟ้าชินจูกุ
ออกมายืนรออย่างมีความสุขกับอุณหภูมิ 5 องศาเซลเซียส เบาๆ |
|
ตารางเวลาที่รถจะมาจอดรับที่ป้ายนี้ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 นาที |
|
หน้าตาของรถบัสที่มารับ |
|
ด้านในของรถ |
โรงแรมเกรเซอรี่ ชินจูกุ (Gracery Shinjuku) เป็นอีกหนึ่งโรงแรมที่น่าสนใจสำหรับคนที่ต้องสัมผัสประสบการณ์ของโรงแรมและสัมผัสกับพื้นที่รอบๆของโรงแรมที่เต็มไปด้วย ร้านอาหาร สถานบันเทิงเริงรมย์ ร้านขายของเพื่อการช้อปปิ้ง ซื้อของฝากและฝากซื้อ รวมถึงร้านสะดวกซื้อทั้งหลาย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น