วันพุธที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

Hotel Gracery : จับก๊อตซิล่ามาเล่าเรื่องแบรนด์



เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2561 ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสไปใช้บริการโรงแรมก๊อตซิลล่าซึ่งเป็นชื่อเรียกขานในแบบที่เข้าใจง่าย เป็นโรงแรมที่มีก๊อตซิลล่าโผล่หัวออกมาทักทายนักท่องเที่ยวและชาวเมืองชินจูกุเหมือนในภาพ หัวก๊อตซิลล่าขนาดใหญ่นี้ตั้งอยู่บนอาคารของ Toho Shinjuku    

แต่ชื่อจริงๆ ของโรงแรมแห่งนี้ก็คือ Hotel Gracery เป็นโรงแรมที่อยู่ในเครือ WHG  หรือ Washington Hotels Group ซึ่งมีโรงแรมในเครือกระจายอยู่หลายเมืองในประเทศญี่ปุ่น  (จากข้อมูลการรีวิวจากแหล่งข้อมูลต่างๆ บอกว่า ที่นี่มีพนักงานที่พูดภาษาไทยได้หรือเป็นคนไทย แต่ตลอดระยะเวลา 4 วัน 3 คืนที่พักอยู่ที่โรงแรมแห่งนี้ เราไม่พบพนักงานท่านนั้น) โรงแรมแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ชินจูกุ ในย่านคาบุกิโช หรือแหล่งรวมสถานบันเทิงยามค่ำคืนของเมืองนี้นั่นเอง ดังนั้นตลอดทั้งคืนบริเวณโรงแรมก็จะเต็มไปด้วยนักท่องราตรีหลากหลายวัย ในช่วงกลางวันก็เป็นย่านช้อปปิ้ง  ร้านขายยาและเครื่องสำอาง ดองกี้ โรงภาพยนตร์ รวมถึงร้านสะดวกซื้ออย่างแฟมิลี่มาร์ท 7-11 ร้านอาหารประเภทต่างๆ ปิ้งย่าง ซูชิที่เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง ราเมน ตัวโรงแรมมีทั้งหมด 30 ชั้น มีห้องพักให้บริการ 970 ห้อง แต่ชั้นที่เป็นส่วนของโรงแรมเริ่มที่ชั้น 8 เป็นรีเซฟชั่น ล๊อบบี้และห้องอาหาร Bon Jour 

ด้านหน้าโรงแรมมีร้านซูชิเปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง มีทั้งแบบ Buffet และ A La Carte 

อาหารสารพัดชนิดรอให้เลือกหยิบ

สตาร์บัคส์ใน Family Mart หน้าโรงแรม

ร้านสะดวกซื้อมีทั้ง Family Mart 7-11 และ Lawson
ด้านหน้าของซอยที่จะมุ่งไปที่โรงแรมจะเป็นร้านดองกี้อยู่หัวมุมทางขวามือ  เดินเข้าไปในตึกที่เป็นโรงภาพยนตร์ ก็จะพบกับป้ายบอกทางไปโรงแรมชั้น 1 จะเป็นร้านขายของ 7-11 และร้านอาหารต่างๆ ส่วนโรงแรมจะต้องขึ้นลิฟท์ไปที่ชั้น 8 ก็จะพบกับล๊อบบี้โรงแรม และเช็คอินได้ที่นั่น  



หลังจากขึ้นลิฟท์มาที่ชั้น 8 ก็จะพบกับการบอกเล่าเรื่องราวของก๊อตซิลล่า ผ่านโปสเตอร์หนังที่มีก๊อตซิล่าในแต่ละปีตั้งแต่ยุคโบราณจนถึงยุคใหม่  ก๊อตซิลล่าจึงเป็นตัวเล่าเรื่องให้กับโรงแรมแห่งนี้และช่วยสร้างความแตกต่างเพิ่มสีสันให้กับแบรนด์โรงแรมนี้ด้วยเช่นกัน มีข่าวว่านายเคนนิชิ โยชิสุมิ นายกเทศมนตรีของเมืองชินจูกุในกรุงโตเกียว ได้เปิดตัวรูปปั้นศีรษะก๊อตซิลล่าขนาดเท่าตัวจริงบนชั้นดาดฟ้าของอาคารสูง 52 เมตร พร้อมทำพิธีมอบใบประเทศเกียรติคุณและแต่งตั้งให้ก๊อตซิลล่าเป็นพลเมืองกิตติมศักดิ์และทูตด้านการท่องเที่ยวของเมือง
(ขอขอบคุณข้อมูลจาก https://www.bloggang.com/m/viewdiary.php?id=sitcom&month=04-2015&date=11&group=65&gblog=395)



โปสเตอร์ภาพยนตร์ที่บอกเล่าเรื่องราวของก๊อตซิลล่า ติดอยู่บริเวณล๊อบบี้ชั้น 8 ของโรงแรม

ของที่ระลึกวางจำหน่ายสำหรับแขกของโรงแรมที่สนใจจะซื้อเก็บหรือซื้อฝาก 

บริเวณจัดแสดงและจำหน่ายของที่ระลึกก๊อตซิลล่า

ทีม Waycation ครั้งนี้เดินทางมาถึงโรงแรมเวลา 11.30 น. จะพักที่โรงแรม Gracery ระหว่างวันเสาร์ที่ 3 ถึงวันอังคารที่ 6 กุมภาพันธ์ 2561 แต่เนื่องจากเวลาที่เรามาถึงยังไม่สามารถเช็คอินได้ (เวลา Check in คือ 15.00 น. เวลา Check out คือ 11.00 น.) แต่ไม่เดือดร้อนเพราะสามารถไปเดินช้อปปิ้ง หาอาหารรับประทานฆ่าเวลาไปก่อนได้ จึงฝากกระเป๋าสัมภาระไว้ที่เคาน์เตอร์ พร้อมกรอกข้อมูลเช็คอินไว้ก่อน เมื่อห้องพักพร้อมแล้วทางพนักงานแจ้งว่า จะนำกระเป๋าไปไว้ให้ที่ห้องพัก (เลิศที่สุด)

พนักงานดำเนินการเช็คอินไว้ให้ก่อน
สำหรับการจองห้องพักครั้งนี้จองผ่าน booking.com  จะมี 2 แบบ คือ 
1.ห้องเตียงเดี่ยว ขนาด 18 ตารางเมตร ค่าห้องพักตลอด 3 คืน 48,960 เยน หรือประมาณ 14,688 บาท
2.ห้องเตียงคู่ ขนาด  25 ตารางเมตร ค่าห้องพักตลอด 3 คืน 76,680 เยน หรือประมาณ 23,004 บาท 
ราคานี้รวมอาหารเช้าครับ แม้ว่าราคาค่อนข้างสูงแต่เมื่อแลกกับประสบการณ์ที่อยากลองใช้บริการดู บอกได้เลยว่า "คุ้มค่า"

เพื่อไม่ให้เสียเวลาเที่ยว ฝากกระเป๋าเสร็จพวกเราก็รีบลงไปจัดการอาหารมื้อเที่ยงกันเลย หลังจากอิ่มหนำสำราญบานใจไปกับอาหารญี่ปุ่นมื้อแรก ก็กลับมาโรงแรมและติดต่อรับคีย์การ์ดจากเคาน์เตอร์โรงแรม 


คีย์การ์ดแนวหลุดอยู่ในวงการภาพยนตร์เชื่อมโยงกับหนังที่มีก๊อตซิลล่า มาคู่กับคูปองหารเช้า
ที่มีให้เลือกรับประทานได้ 2 ห้องอาหาร
เดินสำรวจบริเวณชั้น 8 มีล๊อบบี้สำหรับให้แขกที่เข้าพักนั่งรอ ตกแต่งอย่างสวยงาม 

Lobby สำหรับแขกนั่งคอยหรือเป็นจุดนัดพบกัน
ตัวอย่างเมนูของหวานโดยมี Godzilla เป็นส่วนประกอบในเมนูต่างๆ

ป้ายบอกว่าพื้นที่นี้สงวนสิทธิ์สำหรับแขกของโรงแรมเท่านั้น

เวลาโชว์ของก๊อตซิลล่า ตั้งแต่เที่ยงจนถึงสองทุ่ม โปรดสังเกตมีภาษาไทยด้วย

คลิปโชว์ของก๊อตซิลล่า

มุมถ่ายจากบริเวณชั้น 8 
ภาพบริเวณฐานด้านล่างของ Godzilla

 


อีกมุมหนึ่งจากทางด้านหลัง
หลังจากส่องสำรวจทุกซอกทุกมุมของชั้น 8 แล้วก็ขึ้นลิฟท์ไปเข้าห้องพักกัน เลขที่ออกสำหรับห้องพักครั้งนี้คือ 2444 อยู่ชั้นที่ 24 ต้องขึ้นลิฟท์ที่เป็น High Zone (ชั้น 20 - 30)

ลิฟท์ High Zone ให้บริการแขกที่พักชั้น 20-30
เข้าห้องพักกันเลย เปิดมาปั๊ปก็เจอช่องสำหรับใส่คีย์การ์ดเพื่อเปิดระบบไฟฟ้าภายในห้องพัก (ทางโรงแรมจะให้คีย์การ์ดใบเดียวต่อหนึ่งห้องพัก)  ฝั่งตรงข้ามก็มีแผงควบคุมอุณหภูมิแอร์ภายในห้องพัก 



เตียงแฝดหรือเตียงคู่จะมีอุปกรณ์การนอนให้คือ หมอนหนุนและหมอนข้างและมีเอกสารซึ่งมีข่าวสารของโรงแรมวางไว้ให้อ่านเล่น
เตียงนอนค่อนข้างใหญ่ มีทั้งหมอนหนุนและหมอนข้าง
ห้องที่พักนี้มีขนาด 25 ตารางเมตร ยังพอมีพื้นที่สำหรับวางเก้าอี้ได้อีก 2 ตัว โต๊ะเล็กๆอีก 1 ตัว ด้านหลังจะเป็นตู้เล็กตู้น้อย ที่ใส่กาต้มน้ำ แก้วน้ำ ตู้เซฟนิรภัย และตู้เย็น พร้อมน้ำดื่มให้วันละ 2 ขวด และทีวี จะเห็นได้ว่าพื้นที่ในห้องพักจะถูกใช้อย่างคุ้มค่า ทุกอย่างจะถูกเก็บไว้ในตู้และประหยัดพื้นที่พอสมควร 
อีกมุมหนึ่งของห้องพักมีเก้าอี้และเฟอร์นิเจอร์ที่ประหยัดเนื้อที่พอสมควร

ในตู้ใต้ทีวีมีแก้วพร้อมกาต้มน้ำ

มีน้ำดื่มของโรงแรมให้บริการวันละ 2 ขวด 

ตู้ใต้ทีวีอีกฝั่งหนึ่งเป็นตู้เซฟและตู้เย็น

บนโต๊ะจะมีอุปกรณ์ Handy Mobile Device วางอยู่บนแท่นชาร์จ และมีข้อความเชิญชวนให้เราหยิบไปใช้งานข้างนอกโรงแรมได้ ใช้เป็น City Guide รวมถึงใช้โทรศัพท์ติดต่อกันได้ในพื้นที่ จากหน้าจอมีข้อความทักทายบอกกับผู้เข้าพักว่า "ฉันเป็นไกด์แนะนำเมืองนี้ให้กับคุณ" 



ลองมาสำรวจห้องน้ำกัน สำหรับโซนห้องน้ำจะแบ่งเป็น ห้องอาบน้ำที่มีอ่างและฝักบัวสำหรับอาบน้ำพร้อมกับแชมพู คอนดิชันเนอร์ และสบู่เหลว ห้องส้วมที่ควบคุมระบบฉีดน้ำอัตโนมัติตามสไตล์ของญี่ปุ่น นั่งลงไปปั๊ปจะได้สัมผัสกับไออุ่นปุ๊ปทันที   และห้องสำหรับล้างหน้าแปรงฟันที่มีผลิตภัณฑ์ล้างหน้า (Face Soap) ของชิเชโด้วางไว้ให้บริการ

ห้องสำหรับอาบน้ำจะแช่หรืออาบด้วยฝักบัวก็มีพร้อม

อ่างค่อนข้างใหญ่พอสมควร

ผลิตภัณฑ์แชมพู คอนดิชันเนอร์ สบู่มีให้บริการครบครัน

ห้องปลดทุกข์หนัก ทุกข์เบามีประตูปิดมิดชิด

โซนสำหรับล้างหน้าแปรงฟัน

สบู่ล้างหน้าของ Shiseido
วิวจากห้องพัก 

นอกจากห้องเตียงเดี่ยว เตียงคู่ โรงแรมนี้จะมีชั้นเฉพาะสำหรับผู้หญิงด้วย และมีห้องที่สร้างบรรยากาศเชื่อมโยงกับ Godzilla อีก 7 ห้อง 

ห้อง Godzilla Room มีจำนวน 1 ห้อง Room Type นี้อยู่บนชั้น 30 เป็นห้องสำหรับพัก 2 คน สร้างบรรยากาศทั้งห้องประหนึ่งว่าเข้าไปอยู่ในโลกของ Godzilla ไม่ว่าจะเป็นเท้าของ Godzilla โปสเตอร์ต่างๆ 

ห้อง Godzilla Room (ขอขอบคุณภาพจากเว็บไซต์ของโรงแรมเกรเซอรี่ ชินจูกุ)
 
ดื่มด่ำไปกับบรรยากาศในห้องพักนี้กับ Godzilla ขนาดย่อม
(ขอขอบคุณภาพจากเว็บไซต์ของโรงแรมเกรเซอรี่ ชินจูกุ)
ห้อง Godzilla View Room มีจำนวน 6 ห้อง เป็นห้องพักที่มองออกไปนอกหน้าต่างๆ หรือนอนอยู่บนเตียงก็เสมือนมีแววตาของ Godzilla มาส่องเราอยู่ (มันก็จะหลอนๆหน่อย) สำหรับห้อง Room Type นี้จะอยู่ชั้น 9 เป็นห้องสำหรับ 1 คน   
ห้อง Godzilla View Room เป็นห้องที่มองออกไปแล้วจะพบกับ Godzilla
ตื่นเช้ามาก็หิวทันที ได้เวลาเติมพลังก่อนออกไปช้อปปิ้งด้วยอาหารเช้าของโรงแรม สำหรับอาหารเช้าของโรงแรม Gracery Shinjuku จะมีให้บริการ 2 ห้องอาหาร ตั้งแต่เวลา 06.30-10.30 น. ผู้เข้าพักสามารถเลือกได้ตามอัธยาศัยว่าอยากรับประทานอาหารและสัมผัสบรรยากาศแบบใด เราอยู่ที่นี่ 3 วัน ก็เลยสำรวจทั้ง 2 ห้องอาหารมาให้ดูกัน

ห้องอาหารแรกชื่อว่า  Bon Jour อยู่ชั้น 8 ให้บริการอาหารเช้าแบบ Sandwich Buffet ขนาดของห้องอาหารจะไม่ใหญ่มาก 
ห้องอาหารที่สองชื่อว่า Bonsalute Kabuki อยู่ชั้น 1 ให้บริการอาหารสไตล์ Japanese Western Buffet ขนาดพื้นที่ของห้องอาหารจะกว้างขวางกว่าห้องอาหารชั้น 8 

เช้าวันแรก เรามาลองใช้บริการห้องอาหารเช้า Bon Jour ห้องอาหารนี้ตั้งอยู่ใกล้ๆ ก๊อตซิลล่า รับประทานอาหารเช้าไปก็มีวิวก๊อตซิลล่า อาหารเช้าของห้องอาหารนี้เป็นสไตล์ Sandwich Buffet  แต่ก็มีความหลากหลายประมาณหนึ่ง

เบคอน ไส้กรอก ผักปิ้งย่างตาม format ของอาหารเช้า

ไข่ แซนวิชด์ ข้าวผัด 

เบอร์เกอร์ขนาดเบาๆ แต่ถ่ายออกมาแล้วดูใหญ่มาก

ครัวซอง เดนิช และขนมปังสารพัดชนิดเลือกหยิบได้ตามใจชอบ

โดนัท ขนมปังแผ่นก็มา

แซนวิชด์อีกสไตล์หนึ่ง

มุมน้ำผลไม้ต่างๆ และนมชอคโกแลต

น้ำแร่ Perrier ชนิดซ่า

ผลไม้ที่ถูกหั่นเป็นชิ้นไว้พร้อมรับประทาน

มุมกาแฟ หลังรับประทานอาหารเช้าแล้วอยากจะ Take Away กาแฟก็มีแก้วกระดาษให้
สรุปแล้ว อาหารเช้าของห้องอาหาร Bon Jour ชั้น 8 จะมีความหลากหลายน้อยกว่าห้องอาหาร  Bonsalute Kabuki ที่อยู่ชั้น 1 ของโรงแรม เช้า 2 วันถัดมา พวกเราเลยไปใช้บริการที่ห้อง Bonsalute Kabuki ห้องนี้จะมีลูกค้าโรงแรมมาใช้บริการมากกว่า คึกคักกว่า เรามาลองสำรวจห้องอาหารสไตล์ Japanese Western Buffet กันเลยดีกว่า 

มุมจานหลุมมีทั้งแบบ 6 หลุม และ 9 หลุม พร้อมถาดและในถาดมีแผนผังของห้องอาหารให้ดู 


 แผ่นรองถาดที่บอกแผนผังของอาหารแต่ละชนิดใน
ห้องอาหาร Bonsalute Kabuki บอกพิกัดว่าอะไรอยู่ตรงไหน

เบค่อนนุ่มหั่นชิ้นพอคำ

เห็นรูปลักษณ์ภายนอกอย่าคิดว่าเป็น เสี่ยวหลงเป่า นะ จริงๆมันคือ ซาลาเปา ธรรมดานี่เอง
พิกัดนี้จะสลับกับขนมจีบ วันแรกเจอซาลาเปา วันถัดมาเจอขนมจีบ

อาหารแนวไข่ พร้อมซอส

อันนี้น่าสนใจ เป็นปลาหมึกยัดไส้ด้วยข้าว หอมอร่อยดี

อันนี้ไม่ทราบว่าอะไรเหมือนกันแต่อร่อยดีแต่เค็มไปหน่อย

มุมสุขภาพ ผัก สลัดก็มีให้บริการสำหรับมังสวิรัติ

แซลมอนก็มาในยามเช้า

ครัวซอง โดนัทและเบเกอรี่ชนิดต่างๆ 

พิซซ่าแฮนด์เมดและโฮมเมด

ขนมปังพร้อมเครื่องปิ้งขนมปัง

โยเกิร์ต ที่อาจจะใส่ผลไม้ด้านบนเพื่อเพิ่มอรรถรสกันไป

ชามีให้เลือกหลากหลายชนิดตามต้องการ 

อันนี้เป็นมุมชาเขียวที่มีทั้งชาเขียวและโฮจิชะ

บราวนี่และเชอรี่


ความดีงามของห้องอาหารเช้าคือ สามารถนำกาแฟติดไม้ติดมือไปดื่มได้อีกด้วย

จานหลุมสำหรับใส่อาหารเพิ่มความเป็นระเบียบให้กับมื้ออาหาร
มีแบบ 6 หลุ่ม กับ 9 หลุม เลือกใช้งานได้ตามอัธยาศัย

หลังจากเข้าพักครบ 4 วัน 3 คืน เป็นอีกหนึ่งโรงแรมที่สร้างความประทับใจทั้งในด้านการบริการ โลเคชั่นที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองแวดล้อมด้วยร้านอาหาร ย่านช้อปปิ้ง และร้านสะดวกซื้อ สำหรับใครที่สนใจอาจจะมาใช้บริการโดยไม่ต้องรวมอาหารเช้าก็ได้ เพราะสามารถหารับประทานได้บริเวณรอบๆ โรงแรม ทั้ง Family Mart , 7-11 ที่อยู่ชั้น 1 ของโรงแรม

วันเดินทางกลับ ถ้าต้องการไปขึ้นรถไฟฟ้าหรือไปสถานีรถไฟฟ้าก็สามารถนั่งรถ Shuttle Bus ในราคาคนละ 100 เยน เพื่อไปยังสถานีชินจูกุได้ ป้ายรถก็อยู่หน้าโรงแรม

ป้ายรอรถ Shuttle Bus บริเวณด้านหน้าโรงแรมเพื่อเดินทางไปสถานีรถไฟฟ้าชินจูกุ
ออกมายืนรออย่างมีความสุขกับอุณหภูมิ 5 องศาเซลเซียส เบาๆ

ตารางเวลาที่รถจะมาจอดรับที่ป้ายนี้ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 นาที

หน้าตาของรถบัสที่มารับ

ด้านในของรถ
โรงแรมเกรเซอรี่ ชินจูกุ (Gracery Shinjuku) เป็นอีกหนึ่งโรงแรมที่น่าสนใจสำหรับคนที่ต้องสัมผัสประสบการณ์ของโรงแรมและสัมผัสกับพื้นที่รอบๆของโรงแรมที่เต็มไปด้วย ร้านอาหาร สถานบันเทิงเริงรมย์ ร้านขายของเพื่อการช้อปปิ้ง ซื้อของฝากและฝากซื้อ รวมถึงร้านสะดวกซื้อทั้งหลาย

 







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น