อย่ารอช้า เข้าไปจัดการกันเลยครับ สำหรับบรรยากาศในร้านไม่ค่อยอึดอัดเท่าไหร่ในการจัดโต๊ะภายในร้าน ผู้คนในร้านยังมีไม่ค่อยมากอาจเป็นเพราะยังไม่ใช่เวลาอาหารเที่ยง ร้านจึงเงียบๆ แต่หลังจากนั้นอีก 30 นาที คนมาตรึม
บรรยากาศภายในร้าน ด้านหน้าจะเป็นเคาน์เตอร์ ถ้ามาเดี่ยวจะนั่งบริเวณหน้าเคาน์เตอร์ก็ได้ |
อันนี้เป็นอีกโซนนึงมีทั้งโต๊ะเล็ก โต๊ะใหญ่ให้เลือกนั่งตามอัธยาศัย |
ความหลากหลายของซูชิและเมนูอื่นๆ |
รายการอาหารในส่วนที่เป็น A La Carte |
สำหรับการสั่งอาหารของร้านนี้จะต้องสั่งผ่านอุปกรณ์เมนูตามภาพด้านล่างนี้ โดยกดอาหารที่ต้องการและส่งออเดอร์ผ่านเจ้าเครื่องนี้ไปยังเชฟ สักครู่อาหารตามที่สั่งไปก็จะมาเสิร์ฟ งานนี้เน้นดูภาพ ส่วนข้อความก็งมๆ และ งงๆ กันไป
เครื่องดื่มที่สั่งไม่พ้นชาเขียว พนักงานนำมาเสิร์ฟเป็นลำดับแรก
ชาเขียว เชื่อแล้วว่าเขียวจริง |
และแล้วรายการซูชิและอาหารที่สั่งไปก็เริ่มลำเลียงมาสู่โต๊ะของพวกเรา ตามสภาพที่เห็น อะไรเป็นอะไรแทบจำกันไม่ได้ ขอให้ดูภาพกันนะครับ จานแรกประกอบด้วย เทมากิหรือข้าวห่อสาหร่ายแบบกรวย ซูชิกุ้ง ซูชิกั้ง แซลมอน ทุกรายการมองจากมุมบนเราแทบไม่เห็นข้าว เพราะถูกปกคลุมแบบเต็มๆด้วยปลา กุ้ง กั้ง
ถ่ายเจาะเฉพาะซูชิกั้ง |
สลับกันด้วยเมนูสุขภาพกันสักนิด เป็นเต้าหู้ที่อร่อยมาก |
จากนั้นก็สลับมาที่ท้องปลาแซลมอนทอด กรอบนุ่มผสมกันไป
จัดกันมาอีกชุดสำหรับ เทมากิ
สังเกตจากจานหลังๆ เริ่มมีความแผ่วลง แต่ก็เรื่อยๆมาเรียงๆ
หลังจากจัดไปหลายจาน โดยส่วนตัวในด้านความประทับใจ รู้สึกเฉยๆ (กลางๆ) กับร้านนี้ แต่ก็ไม่ถึงกับแย่ แต่ถ้าอยากจะรับประทานร้านนี้ขอให้ไปร้านอื่นดีกว่า (ผู้เขียนเริ่มสับสน) จากนั้นก็ไปสู่การคิดค่าเสียหายด้วยการนำอุปกรณ์ที่ใช้ในการสั่งอาหารไปที่เคาน์เตอร์แคชเชียร์บริเวณหน้าร้าน จากนั้นพนักงานจะแจ้งจำนวนเงินทั้งหมดที่ต้องจ่ายเป็นเงิน 12,357 เยน (หรือถ้าคิดเป็นเงินไทยก็คือ 3,700 บาท) พร้อมกับส่งมอบใบเสร็จที่แสดงผลงานที่พวกเราได้รับประทานเข้าไปทั้งหมดด้วย
ใบเสร็จของร้าน Kizuna Sushi |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น